คุณเชื่อเรื่องการตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบไหมครับ …
คำถามนี้สำหรับใครบางคนก็คงจะตอบว่าเชื่อ บางคนก็ตอบว่าไม่เชื่อ ซึ่งตัวเขาที่เป็นคนถามนั้นขอตอบว่าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่เขายังเด็กก็ไม่เคยรู้สึก
รักหรือชอบใครในทำนองนั้นมาก่อน ถึงแม้จะมีคนเข้ามาจีบบ้างหรือพยายามมาใกล้ชิดสนิทสนมให้มีความรู้สึกมากกว่าเพื่อน แต่เขากลับไม่เคยมีความรู้สึกในเชิงนั้นตอบกลับไปเลย
จนกระทั่งเด็กคนนั้นได้โตขึ้นกลายเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง ทางมหา’ ลัยได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาปีหนึ่งและรุ่นพี่ได้มาเชื่อสัมพันธไมตรีต่อกัน รวมถึงได้มีการจัดเวทีสำหรับขึ้น
โชว์วงของมหา’ ลัย ให้น้อง ๆ หน้าใหม่อย่างพวกเขาได้ฟังเพลงเพลิน ๆ และวงจะได้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งเวทีนั้นเองคือที่ที่ทำให้เขาได้เจอกับรุ่นพี่คนนั้น คนที่ทำให้เชื่อแล้วว่า
รักแรกพบมีอยู่จริง เสียงร้องอันแสนละมุนเหมือนมนต์สะกดและรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งต่อให้คนฟังอย่างทั่วถึง
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่เหมือนมีแรงดึงดูดจนไม่อาจละสายตาไปจากผู้ชายด้านบนเวทีได้
ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าสายตาของเขาจับจ้องไปที่นักร้องนำคนนั้นนานเท่าไร แต่คงจะนานพอที่จะทำให้ ‘เอก’ เพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่ยังเด็กเริ่มจับสังเกตได้
“นักร้องนำคนนั้นชื่อชิน รุ่นพี่ปีสามคณะเดียวกับเรา”
ขณะนั้นเองคนที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดโพล่งขึ้น เขาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักนักร้องนำคนนั้นด้วย ซึ่งเอกก็คงเห็นเขาทำหน้าอึ้ง ๆ
เลยยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงข้อมูลสมาชิกในวงเพื่อไขข้อสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร
พอรู้อย่างนั้นเขาฉีกยิ้มอย่างดีใจที่รู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นเรียนอยู่คณะเดียวกับตน แต่การที่พี่ชินเป็นนักร้องนำวงของมหา’ ลัยนั้นหมายความว่าเวลาส่วนใหญ่ของพี่เขาก็คงจะอยู่แต่ใน
ห้องซ้อม ถ้ามีโอกาสได้เจอกันนั่นคงต้องเป็นเรื่องที่บังเอิญสุด ๆ แน่
และใช่ ... คงจะบังเอิญมากจริง ๆ แหละ
ในเย็นวันนั้นหลังจากที่กลับมาจากมหา’ ลัยและกำลังจะไขประตูเพื่อเปิดห้อง เขาก็ได้เจอกับพี่ชินแถมพี่เขานั้นยังอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของเขาอีกด้วย
พอรู้อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะหันหน้าไปมองอีกฝ่ายจึงทำได้เพียงไขประตูและรีบเดินเข้าห้องทันที แต่ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงพูดที่แสนจะละมุนละไมเหมือนตอนที่อีกฝ่าย
กำลังร้องเพลงเอ่ยดังมาจากทางด้านหลังของเขา
“น้องอยู่ปีหนึ่งใช่ไหมครับ” เขาที่กำลังจะเดินเขาห้องถึงกับชะงักทันที
ถามมาขนาดนี้คงต้องหันไปตอบแล้วสินะ
“คะ ครับ” เขาหันกลับไปตอบด้วยเสียงที่ตะกุกตะกักเพราะความเขิน ตอนเห็นบนเวทีว่าอีกฝ่ายน่าตาดีแล้วนะ แต่พอมายืนตรงหน้าในระยะใกล้ขนาดนี้ ดันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
ทันทีทันใด
พี่ชินเป็นคนที่ตัวสูงมาก พอมายืนเทียบกันดูแล้ว เขาที่สูงร้อยเจ็ดสิบห้าถึงกับต้องเงยหน้ามองอีกฝ่าย หุ่นก็ดูสมส่วนไม่ได้ล่ำบึ้กแต่ก็ดูเป็นคนหุ่นดีมีกล้ามพอสมควร บวกกับ
หน้าตาเข้าไปอีกล่ะก็ ...
คนอะไรมันจะเพอร์เฟคปานนี้วะเนี่ย
“เพิ่งย้ายมาอยู่สินะ วันนี้พี่เห็นเรามาดูวงพี่ด้วยหนิ” เขารู้สึกตกใจที่อีกฝ่ายสังเกตเห็น เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไรเลย แล้วพี่ชินจะคิดยังไงเนี่ย ดันไปจ้องพี่เขาซะ
ขนาดนั้น
“แล้วน้องชื่ออะไรครับ”
“ผะ ผมชื่อว่านครับ”
“พี่ชื่อชินนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยสามารถเคาะประตูเรียกพี่ได้เลยนะครับ”
“ครับ” เขาพยักหน้าตอบกลับไปพอพี่ชินเห็นอย่างนั้นก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและเดินเข้าห้องของตัวเองไป ซึ่งต่างจากเขาที่ยังคงยืนนิ่งสตั้นกับรอยยิ้มนั้น
ไปอยู่หลายนาทีกันเลยทีเดียว
ใจมันไม่เป็นของตัวเองอีกต่อไปแล้วสินะ
หลังจากวันแรกที่เราได้รู้จักกัน เขาก็กลับมาตั้งหลักคิดว่าควรจะทำยังไงต่อดี เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยชอบใครมาก่อน พอมาเป็นฝ่ายแอบชอบกลับทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือ
ไม้ไปไว้ตรงไหน เลยตัดสินใจเอาเรื่องนี้มาปรึกษาเพื่อนสนิทที่คิดว่าน่าจะมีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าตัวเขาคงจะดีกว่า
“มึง ... กูควรเริ่มจีบพี่ชินยังไงดี”
“ก็เริ่มจากการคุยก่อนไง”
“แต่กูไม่กล้าคุยอะ แค่เห็นหน้าพี่เขากูก็แทบจะพูดไม่ออกอยู่แล้ว” เขาพูดความจริงออกไปให้เพื่อนฟัง เพราะขนาดวันแรกเราทั้งคู่พูดคุยกันแค่ประโยคทักทายสั้น ๆ เขายังพูด
ตะกุกตะกักเลย
“งั้นมึงก็ทักแชทไปคุยกับเขา”
“กูไม่มีแชทพี่เขา”
“มึงก็ไปขอไอดีพี่เขาสิวะ”
“ไม่เอาอะมึง กูไม่กล้า”
“โอ้ย! มึงจะจีบพี่เขาไหมครับ ไอ้นู่นก็ไม่กล้าไอ้นี่ก็ไม่เอา”
“ก็กูกลัวอ่า อีกอย่างกูเป็นผู้ชายด้วย พี่เขาจะคิดยังไงล่ะ เขาจะไม่เกลียดกูเหรอวะ”
“กูก็ผู้ชายแถมแท้ด้วย ก็ไม่ได้เกลียดมึงปะ นี่มันยุคไหนแล้ว เขายอมรับเรื่องพวกนี้กันหมดทั้งบางแล้วโว้ย” เขาก้มหน้าคิดหนักพลางมองตารางของพี่ชินที่เพื่อนตัวดีไปหามาจน
เจอ แล้วดันเจอไวกว่าคนที่แอบชอบเองอีกด้วยนะ
“งั้นเอางี้นะไอ้ว่าน ไหน ๆ มึงก็มีคลาสเรียนของพี่เขาแล้วแถมยังอยู่ห้องตรงข้ามกันอีก มึงก็เอาพวกขนมหรือของกินที่มึงคิดว่าอร่อย ๆ ไปให้พี่เขาก่อนจะไปเรียนหรือไม่ก็ตอน
กลับมาห้องดิ กูว่าก็โอเคนะ”
เขาเงียบและคิดภาพตามที่เอกพูด
“ถ้าพี่ชินถามว่าซื้อให้เนื่องในโอกาสอะไร กูจะตอบพี่เขายังไงดีล่ะ”
“มึงก็ตอบไปสิว่าผมเพิ่งมาอยู่ใหม่ อยากซื้อของมาฝากเพื่อนบ้านน่ะครับ แค่นี้เอง”
เออว่ะ ที่เอกพูดก็ดูจะเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลดี
“มึงแม่งฉลาดในรอบล้านปีว่ะ ภูมิใจในตัวมึงนะ”
“กูแม่งไม่น่าช่วยมึงเลย ถ้าจะหลอกด่ากูเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ๆ ขอบคุณเว้ยมึง”
“เออ ขอให้จีบติดละกัน” เพื่อนตัวดีเอ่ยอวยพรพร้อมกับตบบ่าเขาเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
หลังจากเรียนเสร็จเขาเลยตัดสินใจจะทำตามแผนที่วางไว้ทันที ซึ่งเย็นวันนี้เขาดันโชคดีไปเจอคาเฟ่เปิดใหม่ใกล้มหา’ ลัย ซึ่งแต่ละเมนูนี่น่ากินทั้งนั้น แต่เมนูที่ดึงดูดใจให้น้ำลาย
สอที่สุดคือเค้กบลูเบอร์รีของดีประจำร้าน เนื้อเค้กนั้นนุ่มแทบจะละลายในปาก กลิ่นของบลูเบอร์รีก็หอมละมุน รสชาติหวานแบบพอดี ๆ จนรู้สึกอยากจะกินอีกเรื่อย ๆ โดยรวมคือเค้กนี้
อร่อยมาก อร่อยซะจนต้องซื้อกลับมากินกันเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะซื้อกลับมาฝากรุ่นพี่ห้องตรงข้ามอีกด้วย
ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็มาถึงหอพักสักที และในตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ห้องของอีกฝ่าย แต่แทนที่จะเคาะประตูเพื่อเรียกเจ้าของห้องเพื่อให้เค้กที่ซื้อมาฝากไป เขากลับมายืนเก้
ๆ กัง ๆ ไม่กล้าเคาะซะอย่างงั้น สุดท้ายสมองเจ้ากรรมก็สั่งการให้เคาะประตูทันที ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีวี่แววที่คนในห้องจะออกมาเปิด
หรือพี่ชินจะไม่อยู่ห้องกันนะ
ด้วยความเขินที่แทบจะทนไม่ไหวที่อยู่ ๆ ตัวเองกลับมาทำอะไรแบบนี้หน้าห้องคนอื่นเลยตัดสินใจแขวนถุงเค้กไว้ที่ประตูห้องของพี่ชินแล้วรีบวิ่งเข้าห้องตัวเองทันที
หลังจากวันที่เขาแขวนถุงไว้หน้าห้องอีกฝ่าย พอตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นถุงนั้นอยู่ที่เดิมแล้ว เขาเลยคิดว่าจะซื้อของหรือทำขนมอร่อย ๆ แล้วแอบเอาไปให้พี่ชินทุกวันเลยก็แล้วกัน พอ
คิดได้ดังนั้นเขาจึงเริ่มปฏิบัติการ
จีบพี่ชินฉบับคนลึกลับ
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ช่วงเวลาในการจีบรุ่นพี่ห้องตรงข้ามฉบับคนลึกลับล่วงเลยมาหลายอาทิตย์ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการซื้อขนมกับผลไม้มาฝากอีกฝ่าย ในทุก ๆ
วันก่อนจะไปเรียนเขาจะแขวนถุงขนมเอาไว้ที่กลอนประตูห้องตรงข้าม ถ้าวันไหนตื่นสายไม่ทันพี่ชินออกไปหมา’ ลัยก็จะเปลี่ยนมาแขวนถุงขนมตอนเย็นแทน ส่วนวันไหนที่พี่ชินมีงาน
แสดงของวง ตัวเขาก็จะแนบโพสอิทที่เขียนให้กำลังใจไว้ด้วย พอถึงเวลางานเขาก็จะแอบมองอีกคนอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้พี่ชินรู้ว่าเขามาดู
“ทำไมมึงไม่ไปหน้าเวทีวะ จะมายืนทำตัวน่าสงสัยอะไรอยู่หลังต้นไม้เนี่ย” เอกถามขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งสองมายืนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หลังต้นไม้
“เดี๋ยวพี่ชินรู้สิว่ากูมาดู ยืนอยู่ตรงนี้แหละ”
“คนแน่นเต็มหน้าเวทีขนาดนั้น เข้าไปยืนใกล้ ๆ หน่อยพี่เขาไม่รู้หรอกน่า มึงมาาา” พอพูดจบไอ้เพื่อนตัวดีก็พยายามดึงตัวของเขาออกไป เราทั้งคู่ฉุดกระชากลากถูกันอยู่พักหนึ่ง
จนสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นพี่ชินที่เหมือนกำลังมองมาทางเราทั้งคู่ เขาเลยจัดการงัดแรงทั้งหมดที่มีดึงเพื่อนสนิทตัวดีมาหลังต้นไม้ จนสุดท้ายคนชนะก็คือเขา
เมื่อกี้พี่ชินคงมองคนข้างหน้าแหละ ไม่น่าจะเห็นเขาหรอกเนอะ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนงานเลิก เขาและเอกเลยแยกย้ายกันกลับหอตัวเองซึ่งวันนี้เขาก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมมาแขวนไว้ที่กลอนประตูห้องตรงข้ามพร้อมแปะโพสอิท
แต่ไม่รู้วันนี้โชคชะตาเล่นตลกอะไร ขณะที่เขากำลังจะแขวนนั้นประตูตรงหน้าของเขาก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงในชุดลำลองพร้อมที่จะนอนมายืนอยู่ตรงหน้า
เขาตกใจจนเผลอเซถอยหลังแต่อีกฝ่ายดันจับมือข้างที่มีถุงขนมไว้ก่อน
“จับได้สักทีนะ” พี่ชินมองเขาด้วยสีหน้าที่ทำเอาเดาไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คะ ครับ” เสียงของเขาตะกุกตะกัก แก้มซ้ายและขวารู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ทั้งเขินที่พี่ชินยังคงจับมือเขาอยู่ แต่ก็อายที่โดนอีกฝ่ายจับได้เข้าให้แล้ว
“อึ้งล่ะสิ พี่ว่าแล้วว่าวันนี้เราต้องมาแขวนถุงขนมไว้หน้าห้องพี่” พี่ชินเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน จนตอนนี้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน ได้แต่ก้มงุดไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคนเลย
ขณะนั้นเองพี่ชินก็จับมือของเขาข้างที่ถือถุงขนมขึ้นพร้อมหยิบกระดาษแผ่นเล็กในถุงมาอ่าน
“วันนี้ตอนร้องเพลงบนเวทีพี่เท่มาก ๆ เลย ฝันดีนะครับ ทำไมเราถึงไม่มาพูดประโยคนี้ให้พี่ฟังต่อหน้านะ”
เขาเงียบไม่ตอบได้แต่มองเท้าตัวเองไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าเงยหน้ามีหวังเขาคงแสดงสีหน้าแปลก ๆ แน่ ๆ
“เราจีบพี่อยู่เหรอ”
เขาอึ้งที่อีกฝ่ายถามได้ตรงจุดจี้ใจขนาดนี้ สุดท้ายก็ตอบกลับไปแต่ยังไม่เงยหน้ามองคู่สนทนา “ครับ ผะ ผมจีบพี่”
หลังจากที่เขาตอบเราทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครต่อบทสนทนาอีกจนเขาใจเสีย แต่แล้วจู่ ๆ รุ่นพี่ตรงหน้าก็เป็นคนเริ่มทำลายสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้
“งั้นหลังจากนี้ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาแขวนหน้าห้องเพื่อจีบพี่อีกแล้วนะ” เขาถึงกับจุกอกหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเลย
โดนหักอกจากรุ่นพี่ห้องตรงข้ามให้แล้วสินะ
“พี่ไม่ชอบใช่ไหม ผมขอโทษนะครับ วันหลังผมจะไม่––”
“ใครบอกว่าพี่ไม่ชอบล่ะ” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง แต่ไม่นานสิ่งที่พี่ชินกำลังจะพูดก็แปรเปลี่ยนความงุนงงกลายเป็นความเขินแทน
“ถ้าใจเราตรงกันแล้วจะแอบเอาอะไรมาแขวนห้องพี่ทำไมล่ะ เคาะประตูไม่ก็มาอยู่ห้องพี่เลยสิครับ”
ย้อนกลับไปเมื่อตอนกลางวันซึ่งเป็นวันที่คนมารับฟังเพลงจากวงของเขาเยอะมาก แต่ในสายตาของชินกลับมองหาแต่รุ่นน้องห้องตรงข้ามที่มักจะแอบเอาขนมมาแขวนไว้หน้า
ห้องซึ่งในวันนี้ก็มีเช่นกัน นอกจากจะมีขนมยังมีโพสอิทที่เขียนว่า ‘สู้ ๆ นะครับ’ แปะไว้ด้วย
“รุ่นน้องห้องตรงข้ามเขียนเหรอจ๊ะ อ่านซะนานเชียวทั้ง ๆ ที่เขียนแค่สู้ ๆ นะครับแท้ ๆ ”
“ถ้าใช่แล้วมันจะทำไม” เขาเอ่ยตอบเจ๋งมือกลองประจำวงที่เดินมาแซวด้วยท่าทางกวนบาทาสุด ๆ
“อุ๊ย! พี่ชินยอมรับด้วยอะ ชอบน้องเขาทำไมไม่บอกไปล่ะครับเพื่อน”
“รอจังหวะอยู่”
“รออีกนิดระวังหมาคาบไปไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ” เจ๋งตบไหล่ปุ ๆ ถึงคำพูดมันจะดูกวนไปบ้าง แต่จริง ๆ แล้วมันก็คอยให้กำลังใจเขาแหละ
“แล้วนี่วันนี้น้องเขามาดูมึงไหม”
“มาดิ แต่ไปยืนหลบอยู่หลังต้นไม้นู่นน่ะ” เขาชี้ไปทางต้นไม้ที่ห่างจากเวทีไม่ไกลนัก เจ๋งมันจึงกวาดสายตาไปตามปลายนิ้วที่ชี้พลางหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ งั้นมึงก็ร้องเพลงบอกชอบน้องเขาไปเลย” เจ๋งเสนอแนวทางแต่นั้นคือสิ่งที่เขาคิดไว้ตั้งแต่วันซ้อมแล้ว และเพลงที่จะร้องในวันนี้ก็มีเพลงบอกชอบเด็กห้องตรงข้ามอยู่ด้วย
ส่วนจะบอกชอบตรง ๆ ต่อหน้านั้น ขอเป็นจังหวะที่จับได้หน้าห้องพร้อมกับของกลางคือถุงขนมแล้วกันนะ
- The End -
สำหรับใครที่กำลังแอบชอบใครสักคนหรือตามจีบคนที่ชอบอยู่ ไห่ซิงเป็นกำลังใจให้น้าา สู้ๆค่า
สำหรับรี้ดที่อ่านเรื่องนี้สามารถติชมหรือแนะนำกันเข้ามาได้นะคะ
สามารถติดแท็ก #รุ่นพี่ห้องตรงข้าม หรือมาคุยทักทายกันได้ที่
Twitter >> @Haixing3759
Paage Facebook >> Haixingไห่ซิง
ขอบคุณรี้ดทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านค่ะ💗
ไม่มีคอมเม้น